รถยนต์ เป็นยานพาหนะสำคัญที่พร้อมจะเดินทางไปคุณทุกที่ แล้วมีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ใส่ใจเพื่อนคนนี้เมื่อต้องออกเดินทางล่ะจริงไหม? เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาบอกต่อวิธีตรวจสภาพรถด้วยตัวเองกันหน่อยดีกว่า รับรองว่าแสนง่าย ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถมือเก่าหรือมือใหม่ ก็เองได้ ไม่ต้องง้อช่าง
ตรวจสภาพรถด้วยตัวเอง ทำง่าย ไม่เสียเงินหลายหน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการออกเดินทางในช่วงเทศกาล ออกไปทำงาน หรือขับรถประจำวัน การเตรียมสภาพรถให้พร้อมก่อนการขับขี่ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะอันตรายแม้จะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่หากคุณเตรียมพร้อมอย่างมั่นใจเสมอ ก็จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้ดีกว่าการไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน
สำหรับวิธีตรวจเช็คสภาพรถที่เรานำมาเสนอทุกท่านในวันนี้ จะเป็นวิธีการตรวจแบบคร่าว ๆ ตรงจุดที่สำคัญ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก่อนอื่นเราขอย้ำก่อนว่า หากรถของท่านเกิดความผิดปกติขึ้นเกินกว่ากำลังที่จะสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ จำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจเช็คในสถานบริการคุณภาพดีเสมอ เพราะหากคุณมัวกังวลถึงความสิ้นเปลือง มีข้ออ้างแสนเยอะ มันก็อาจจะเสียหายลุกลามใหญ่โต ทำให้คุณเสียเงินทองมากกว่าเดิมอีกก็ได้
แนะนำวิธีตรวจสภาพรถด้วยตัวเอง ประหยัดเงิน ไม่เปลืองเวลา
น้ำมันเครื่อง
- เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการเช็คคือให้จอดรถยนต์อยู่ในแนวราบ เปิดกระโปรงรถ และดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา จากนั้นใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด เสียบก้านวัดเข้าจุดเดิมแล้วดึงขึ้นมาเช็คอีกครั้ง ซึ่งระดับคราบน้ำมันที่ติดอยู่บนก้าน ควรอยู่ที่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แต่ถ้าอยู่มากหรือน้อยเกินไปควรจะเติมหรือลดน้ำมันให้อยู่ในระดับปกติ

แบตเตอรี่รถยนต์
- สามารถแบ่งออกได้ 3 แบบ คือ แบบน้ำ, แบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง ซึ่งทั้งหมดนี้มีความต่างกัน โดยแบตแบตเตอรี่แบบน้ำจะต้องคอยเติมน้ำกลั่นและต้องดูแลเป็นประจำ ซึ่งต่างจากแบบแห้งที่ไม่ต้องดูแลมากนัก แต่อายุการใช้งานจะน้อยกว่าแบบน้ำ ส่วนแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งจะต้องเติมน้ำหลั่นปีละ 1 – 2 ครั้ง หากไม่เติมก็จะทำให้แบตเสียหาย และสตาร์ทไม่ติด *เติมน้ำกลั่นให้อยู่ในปริมาณเหมาะสม และเช็ควันหมดสภาพวันใช้งานของแบตให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ระบบเบรก
- ไม่ว่าจะขับรถระยะใกล้หรือไกล ระบบเบรกมีความสำคัญมาก ๆ หากระบบเบรกใช้งานไม่ได้ก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงได้นั่นเอง ฉะนั้นต้องหมั่นตรวจเช็คผ้าเบรก เสียงเบรก และน้ำมันเบรก ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ วิธีเช็คง่าย ๆ คือเวลาเหยียบเบรกให้ฟังดูว่าเสียงเบรกผิดปกติหรือไม่ หากมีแสดงว่าผ้าเบรกกำลังมีปัญหา ควรจะเข้าอู่ให้ช่างเช็คแบบด่วน ๆ
ยางรถยนต์
- องค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อน สิ่งที่ควรเช็คประจำ ๆ คือความดันลมบาง รอยแตกของยาง และความลึกของดอกยาง โดยสิ่งนี้ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมทิศทางของรถได้อย่างแม่นยำ ไม่ลื่นไถล และไม่ฝืด โดยวิธีเช็คแบบเบสิคคือเคาะยางดูให้แน่ใจว่าลมยางอ่อนหรือไม่ ควรตรวจสอบให้ลมอยู่ในปริมาณที่พอดี เช็คหน้ายางว่ามีรอยฉีกขาดหรือไม่ และดอกยางเหลือมากน้อยเพียงใด หากหน้ายางมีรอยแตกเยอะ ๆ หรือดอกยางเหลือน้อย แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ
แต่ถึงแม้ว่าการตรวจสภาพรถด้วยตัวเองจะเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ แต่วิธีดังกล่าวเป็นเพียงวิธีเบื้องต้นในการตรวจเช็คเท่านั้น เพราะคุณจำต้องหมั่นนำรถสุดที่รักของคุณไปเข้าศูนย์เช็คสภาพรถโดยตรงเพื่อให้ช่างมืออาชีพได้ทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน แม่นยำ และปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญหากรักรถและชีวิตก็อย่าลืมที่จะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ เพราะนั่นจะเป็นตัวช่วยสำคัญของคุณหากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมานะคะ